Bangpakok Hospital

มะเร็งปากมดลูก ควรตรวจแบบไหนถึงเหมาะกับคุณ

8 ธ.ค. 2568

ในปัจจุบันผู้หญิงจำนวนมากต้องเผชิญกับภาระหน้าที่หลายด้าน ทั้งการทำงาน การดูแลครอบครัว และความกดดันในชีวิตประจำวัน ทำให้การดูแลสุขภาพของตนเองมักถูกมองเป็นเรื่องรอง แม้ว่ามะเร็งปากมดลูกจะเป็นโรคที่สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรกและมีโอกาสรักษาหายสูง แต่หลายคนยังลังเลหรือไม่กล้าเข้ารับการตรวจคัดกรอง ด้วยเหตุผลหลากหลาย เช่น ความกังวลเรื่องความเจ็บปวด ความเขินอาย หรือความไม่เข้าใจเกี่ยวกับวิธีตรวจที่มีอยู่ นอกจากนี้ข้อมูลที่มีอยู่มากมายและแตกต่างกันยังทำให้ผู้หญิงหลายคนไม่แน่ใจว่าควรเลือกวิธีตรวจแบบใด

วิธีตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

1. Pap Smear เป็นวิธีตรวจแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมายาวนาน โดยเก็บเซลล์จากปากมดลูกแล้วนำไปตรวจภายใต้กล้องจุลทรรศน์ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่อาจพัฒนาไปเป็นมะเร็งในอนาคต

ข้อดี

  • ค่าใช้จ่ายไม่สูง
  • ทำได้ง่ายและใช้กันอย่างแพร่หลาย
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยตรวจมาก่อน
  • พบความผิดปกติระดับต้นๆ ได้

ข้อควรทราบ

  • อาจพลาดความผิดปกติที่มีขนาดเล็กหรืออยู่ลึก
  • คุณภาพตัวอย่างขึ้นอยู่กับเทคนิคของผู้เก็บ
  • ควรตรวจซ้ำทุก 6 เดือน – 1 ปี เพื่อเพิ่มโอกาสพบความผิดปกติ
  • ไม่สามารถตรวจหาสาเหตุโดยตรง (เช่น เชื้อ HPV)

2. ThinPrep เป็นเทคนิคที่พัฒนาต่อยอดจาก Pap Smear โดยนำเซลล์ที่เก็บได้ไปแช่น้ำยาพิเศษ ทำให้ได้ตัวอย่างที่มีความชัดเจนและลดความผิดพลาดจากเซลล์ซ้อน

ข้อดี

  • ให้ผลแม่นยำกว่า Pap Smear
  • ลดโอกาสพลาดความผิดปกติ
  • ตัวอย่างมีความชัดเจน ทำให้แพทย์อ่านผลได้ง่าย
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการตรวจแบบมีความละเอียดมากขึ้น
  • ใช้ในหลายประเทศเป็นมาตรฐาน

ข้อควรทราบ

  • ราคาสูงกว่า Pap Smear
  • แนะนำตรวจทุก 1 ปี
  • แม้แม่นยำกว่า แต่ยังไม่สามารถตรวจหาสาเหตุได้โดยตรง

3. HPV-Cobas เป็นการตรวจหาเชื้อ Human Papillomavirus (HPV) แบบเจาะจง โดยตรวจชนิดของเชื้อที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็ง

ข้อดี

  • แม่นยำสูงที่สุดในบรรดาวิธีตรวจ
  • ตรวจพบเชื้อก่อนที่เซลล์จะผิดปกติ
  • สามารถแยกชนิดเชื้อ HPV ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น HPV16, HPV18
  • ช่วยประเมินความเสี่ยงในระยะยาว
  • ทำให้สามารถวางแผนตรวจติดตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อควรทราบ

  • ราคาสูง
  • ไม่ตรวจดูความผิดปกติของเซลล์โดยตรง
  • แพทย์มักแนะนำตรวจร่วมกับ ThinPrep เพื่อดูทั้ง “เชื้อ” และ “ความผิดปกติของเซลล์”

และถ้าตรวจพบเชื้อ HPV หรือความผิดปกติ จะทำอย่างไรต่อ?

  • หากพบเชื้อ HPV แต่ยังไม่พบความผิดปกติของเซลล์ → มักให้ติดตามตรวจซ้ำใน 6–12 เดือน
  • หากพบความผิดปกติของเซลล์ → อาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น colposcopy
  • หากพบรอยโรคชัดเจน → อาจรักษาด้วยการตัดชิ้นเนื้อหรือวิธีอื่นๆ
  • ส่วนใหญ่ความผิดปกติระยะต้นสามารถรักษาได้ง่าย

 

มะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อ HPV เป็นเวลานานหลายปี หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก โอกาสหายมีสูงมาก การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด




Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.