5 อาการเสี่ยงโรคหัวใจที่คุณอาจไม่รู้ตัว
ในชีวิตประจำวัน หลายคนอาจรู้สึกเหนื่อยง่าย ใจสั่น หรือแน่นหน้าอก แล้วมักคิดว่าเป็นเพียงอาการชั่วคราวจากความเครียด พักผ่อนไม่พอ หรือออกกำลังกายมากเกินไป แต่รู้หรือไม่ว่า “อาการเล็กน้อยที่เรามองข้าม” เหล่านี้ อาจเป็น สัญญาณเตือนโรคหัวใจ ที่กำลังส่งเสียงเรียกให้เราหันมาใส่ใจร่างกายมากขึ้น โรคหัวใจเป็นภัยเงียบที่ค่อยๆ พัฒนาโดยไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก เมื่อเริ่มมีอาการเด่นชัด มักหมายถึงหัวใจได้ทำงานหนักหรือเสื่อมลงไปแล้วบางส่วน การตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะสามารถรักษาได้ทันท่วงทีและป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น หัวใจวาย หรือหัวใจล้มเหลว
ดังนั้น หากคุณเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ เช่น เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก หรือใจสั่น อย่ามองข้ามอาการเหล่านี้ เพราะ “หัวใจของคุณกำลังบอกอะไรบางอย่าง” และการพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กหัวใจตั้งแต่ระยะแรก คือก้าวสำคัญของการป้องกันก่อนสายเกินไป
สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
- เจ็บหรือแน่นหน้าอก
อาการเจ็บหรือแน่นหน้าอก มักเป็นสัญญาณแรกของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ผู้ป่วยอาจรู้สึกแน่นเหมือนมีของหนักทับกลางอก ปวดร้าวไปถึงกราม คอ ไหล่ หรือแขนซ้าย บางรายอาจรู้สึกเจ็บร้าวมาถึงท้อง หากอาการเกิดขึ้นขณะออกแรงหรือเดิน และดีขึ้นเมื่อพัก ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน - หน้ามืด วูบ หรือหมดสติชั่วคราว
อาการหน้ามืดหรือหมดสติอาจเกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ หากมีอาการบ่อยครั้งหรือเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ เช่น ขณะยืน เดิน หรือออกกำลังกาย ควรเข้ารับการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) เพื่อหาความผิดปกติของการทำงานของหัวใจ - ใจสั่น หรือหัวใจเต้นแรงผิดปกติ
รู้สึกหัวใจเต้นเร็ว เต้นรัว หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ เป็นสัญญาณของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) ซึ่งอาจเกิดจากความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรืออาจเป็นโรคหัวใจแฝงที่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทาง
- เหนื่อยง่าย หอบ หายใจลำบาก
หากเคยทำกิจกรรมได้ตามปกติแต่เริ่มรู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น โดยเฉพาะเวลานอนราบแล้วรู้สึกอึดอัด หรือจำเป็นต้องตื่นขึ้นมานั่งหอบในตอนกลางคืน อาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) ซึ่งหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้เพียงพอ ทำให้เกิดการคั่งของของเหลวในปอดและร่างกาย - ขาบวม เท้าบวม
การบวมที่ขา เท้า หรือข้อเท้า โดยเฉพาะบริเวณหน้าแข้งทั้งสองข้าง อาจเกิดจากภาวะหัวใจทำงานผิดปกติจนเลือดไหลเวียนไม่ดี ส่งผลให้เลือดคั่งในหลอดเลือดดำส่วนล่าง เกิดอาการบวม หากปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายได้
ตรวจหัวใจประจำปี สำคัญแค่ไหน
การตรวจสุขภาพหัวใจอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ช่วยให้สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น แม้ยังไม่มีอาการใดๆ การตรวจหัวใจโดยทั่วไปประกอบด้วย
- การซักประวัติและตรวจร่างกายโดยแพทย์
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram: ECG)
- การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram: ECHO)
- การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test)
- การตรวจเลือดเพื่อประเมินระดับคอเลสเตอรอล น้ำตาล และไขมันในเลือด
ผลการตรวจเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงของโรคหัวใจ และวางแผนการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลได้อย่างเหมาะสม
เคล็ดลับดูแลหัวใจให้แข็งแรง
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารมัน เค็ม และหวาน
- ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3–5 วัน
- งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
- พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม
- ตรวจสุขภาพหัวใจและความดันโลหิตเป็นประจำ