Bangpakok Hospital

สีของดวงตาบอกได้ว่า คุณกำลังเสี่ยงโรคอะไร?

29 ต.ค. 2568

ดวงตาไม่ได้เป็นเพียงอวัยวะสำหรับมองเห็น แต่ยังสามารถสะท้อน สุขภาพภายในร่างกาย ได้อย่างชัดเจน การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ เช่น ตาขาวมีสีเหลือง ตาแดง หรือขอบตาคล้ำ อาจเป็นสัญญาณเตือนถึง ปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ เช่น โรคตับ ภูมิแพ้ หรือโรคต้อกระจก การสังเกตดวงตาของตนเองเป็นประจำและใส่ใจกับความผิดปกติที่เกิดขึ้น สามารถช่วยให้รับมือกับโรคต่างๆ ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก

ดังนั้น การตรวจตาโดยจักษุแพทย์เป็นประจำทุกปี ถือเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงช่วยให้สามารถรักษาปัญหาสายตาได้ทันท่วงที แต่ยังช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและรักษาสุขภาพโดยรวมให้ดีไปพร้อมกัน

1. ตาขาวเหลือง – สัญญาณของตับและท่อน้ำดี

อาการ : ตาขาวมีสีเหลืองร่วมกับผิวกายเหลือง อาจมีอาการตัวซีด อ่อนเพลีย หรือปัสสาวะสีเข้ม

สาเหตุ : เกิดจาก ตับอักเสบ โรคดีซ่าน หรือปัญหาท่อน้ำดีอุดตัน ทำให้สารบิลิรูบิน (Bilirubin) ซึ่งเป็นของเสียจากการสลายเม็ดเลือดแดงสะสมในร่างกาย

ความสำคัญ : หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิด ภาวะตับวายหรือโรคตับเรื้อรัง การสังเกตดวงตาเป็นสัญญาณแรกสามารถช่วยให้รักษาได้ทันเวลา

คำแนะนำ :

  • เข้ารับการตรวจเลือดเพื่อวัดค่าตับและบิลิรูบิน
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารมันจัด
  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น นอนพักเพียงพอ ออกกำลังกายแบบพอดี

 

2. ตาขาวแดง – สัญญาณของตาอักเสบหรือระคายเคือง

อาการ : ตาแดง มีเส้นเลือดฝอยมองเห็นชัด เจ็บหรือแสบตา น้ำตาไหล

สาเหตุ :

  • การระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น ควัน แสงแดด
  • การติดเชื้อในตา เช่น เยื่อบุตาอักเสบจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
  • ภูมิแพ้ ทำให้เส้นเลือดขยายตัวและบวม

ความสำคัญ : หากตาแดงร่วมกับอาการปวดรุนแรง มองไม่ชัด มีขี้ตามาก ควรรีบพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของ การติดเชื้อรุนแรง

คำแนะนำ :

  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตา
  • ใช้น้ำตาเทียมเพื่อลดความระคายเคือง
  • รักษาความสะอาดมือและสิ่งของที่สัมผัสตา

3. จุดเหลืองที่หัวตา – ภาวะต้อลม

อาการ : มีจุดหรือแถบสีเหลืองที่หัวตา เยื่อบุตาหนาและคล้ำกว่าปกติ

สาเหตุ : เกิดจาก เยื่อบุตาโดนลมหรือรังสี UV จากแสงแดดเป็นเวลานาน ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนี้หนาขึ้น

ความสำคัญ : หากปล่อยไว้อาจลุกลามจนถึง ตาดำ ทำให้เกิดการมองเห็นผิดปกติ และเสี่ยงต่อการเกิด ต้อเนื้อ (Pterygium)

คำแนะนำ :

  • สวมแว่นกันแดดและหมวกเมื่อออกแดด
  • หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจัดเป็นเวลานาน
  • พบจักษุแพทย์หากจุดเหลืองขยายตัวหรือมีอาการระคายเคือง
 

4. ตาดำขุ่น – ภาวะต้อกระจก

อาการ : เลนส์ตาขุ่น มองเห็นพร่ามัวเหมือนมีหมอกบัง แสงจ้าแล้วแสบตา

สาเหตุ : เกิดจาก การเสื่อมสภาพของเลนส์ตา โดยปกติจะเกิดกับผู้สูงอายุ แต่บางครั้งเกิดจาก โรคเบาหวาน การได้รับรังสี UV หรือการใช้ยาบางชนิด

ความสำคัญ : ต้อกระจกเป็นสาเหตุสำคัญของ การสูญเสียการมองเห็น หากไม่รักษาอาจถึงขั้นตาบอด

คำแนะนำ :

  • ตรวจสายตาเป็นประจำทุกปี
  • ป้องกันด้วยแว่นกันแดดและหมวก
  • รักษาโรคประจำตัวเช่น เบาหวานให้ดี
  • หากต้อกระจกรุนแรง แพทย์อาจแนะนำ ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา

5. ขอบตาคล้ำ – สัญญาณภูมิแพ้และการไหลเวียนเลือดไม่ดี

อาการ : รอบดวงตาคล้ำ มักมีอาการคันร่วมกับการขยี้ตาบ่อย

สาเหตุ :

  • ภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ
  • การไหลเวียนเลือดรอบดวงตาไม่ดี
  • การขยี้ตาบ่อยทำให้เส้นเลือดช้ำ

ความสำคัญ: ขอบตาคล้ำอาจไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่ยังสะท้อน สุขภาพภูมิแพ้และระบบเลือด

คำแนะนำ:

  • นอนพักให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ควัน หรือสารเคมี
  • ใช้น้ำเย็นประคบเพื่อลดอาการบวมและคล้ำ


การป้องกันและดูแลดวงตาเบื้องต้น

  • ตรวจตาเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  • รับประทานอาหารบำรุงสายตา เช่น ผักผลไม้ที่มีวิตามิน A, C, E และโอเมก้า 3
    ป้องกันแสงแดดด้วยแว่นกัน UV
  • รักษาความสะอาดของมือและสิ่งของที่สัมผัสดวงตา
  • พักสายตาและนอนเพียงพอ ลดการจ้องหน้าจอนานๆ

ดวงตาเป็นตัวบ่งชี้สุขภาพร่างกายที่สำคัญ การสังเกต สีของตาขาว ขอบตา และความชัดเจนของตาดำ สามารถช่วยให้เราเฝ้าระวังโรคต่าง ๆ ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ การป้องกันและดูแลตั้งแต่วันนี้ ช่วยให้คุณมี สายตาที่สดใสและสุขภาพดีไปอีกนาน


 

Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.