Bangpakok Hospital

4 ระยะอาการ ข้อเข่าเสื่อม

17 ก.ย. 2568

“ข้อเข่าเสื่อม” เป็นโรคกระดูกและข้อที่หลายคนมักคิดว่าเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้สูงอายุ แต่ความจริงแล้วสามารถเกิดได้กับทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้งานข้อเข่าหนัก เช่น ยกของ เดินหรือยืนนานๆ รวมถึงผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน โรคนี้เกิดจากการสึกหรอของ กระดูกอ่อนผิวข้อ ที่ทำหน้าที่ป้องกันกระดูกเสียดสีกัน เมื่อกระดูกอ่อนถูกทำลาย ข้อเข่าจึงเริ่มมีอาการปวด ติดขัด บวม และอาจโก่งผิดรูปได้ โรคข้อเข่าเสื่อมจะค่อย ๆ พัฒนาเป็น 4 ระยะ ตั้งแต่เริ่มมีอาการเล็กน้อย ไปจนถึงขั้นรุนแรงที่ไม่สามารถเดินหรือลงน้ำหนักได้ หากเรารู้จักสังเกตอาการในแต่ละระยะตั้งแต่ต้น และดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยชะลอความเสื่อม ลดความเจ็บปวด และเลี่ยงการรักษาที่ซับซ้อนในอนาคตได้

4 ระยะอาการข้อเข่าเสื่อม

ระยะที่ 1 เริ่มต้น (Early Stage)

  • การเปลี่ยนแปลงในข้อเข่า : กระดูกอ่อนเริ่มสึกหรอเพียงเล็กน้อย ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนจากภาพเอกซเรย์
  • อาการที่พบ :
      • ปวดเข่าเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะเวลาลุกนั่งหรือขึ้นลงบันได
      • อาจมีเสียง “กร๊อบแกร๊บ” ในข้อเข่า แต่ยังไม่รบกวนชีวิตประจำวันมากนัก
  • การดูแล :
    • เริ่มควบคุมน้ำหนัก
    • ออกกำลังกายแบบไม่ลงน้ำหนักมาก เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน
    • ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขา

ระยะที่ 2 เล็กน้อย (Mild Stage)

  • การเปลี่ยนแปลงในข้อเข่า : กระดูกอ่อนผิวข้อสึกมากขึ้น ทำให้ช่องว่างระหว่างข้อแคบลง
  • อาการที่พบ :
      • ปวดเข่าบ่อยขึ้นและนานขึ้น โดยเฉพาะเวลาเดินหรือยืนเป็นเวลานาน
      • เข่ามีเสียงดังชัดเจน
      • ข้อติดขัด เคลื่อนไหวไม่คล่องตัว
      • เริ่มเห็นความผิดรูป เช่น ขาโก่งเล็กน้อย
  • การดูแล :
    • ใช้การประคบร้อนหรือน้ำอุ่นเพื่อลดอาการปวด
    • หลีกเลี่ยงการนั่งยองๆ หรือนั่งพับเพียบ
    • หากมีอาการมาก อาจใช้ยาบรรเทาปวดหรืออาหารเสริมบำรุงข้อ เช่น กลูโคซามีน
    • เริ่มพิจารณาการกายภาพบำบัด

ระยะที่ 3 ปานกลาง (Moderate Stage)

  • การเปลี่ยนแปลงในข้อเข่า : กระดูกอ่อนถูกทำลายมากขึ้น จนกระดูกเริ่มเสียดสีกันโดยตรง
  • อาการที่พบ :
      • ปวดและอักเสบอย่างต่อเนื่อง
      • เข่าบวมจากน้ำในข้อเพิ่มขึ้น
      • ขาโก่งผิดรูปชัดเจน
      • เดินลำบาก ขึ้นลงบันไดไม่สะดวก
      • ลุกนั่งต้องใช้แรงช่วย เช่น พยุงเก้าอี้หรือจับราว
  • การดูแล :
    • กายภาพบำบัดเพื่อลดอาการปวดและเพิ่มการเคลื่อนไหว
    • การฉีดยาลดอักเสบหรือฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียม (Hyaluronic Acid)
    • ใส่อุปกรณ์ช่วย เช่น สนับเข่า หรือไม้เท้า
    • เริ่มปรึกษาแพทย์เรื่องการผ่าตัดหากอาการรุนแรงขึ้น

 ระยะที่ 4 รุนแรง (Severe Stage)

  • การเปลี่ยนแปลงในข้อเข่า :
      • กระดูกอ่อนถูกทำลายมากกว่า 60%
      • น้ำหล่อเลี้ยงข้อเข่าลดลงอย่างมาก
      • ข้อเข่าหลวมและติดขัด
  • อาการที่พบ :
      • ปวดมากแม้ไม่ได้ใช้งานข้อเข่า
      • ไม่สามารถลงน้ำหนักได้เต็มที่
      • เดินแทบไม่ได้ ต้องใช้ไม้เท้าหรือรถเข็น
      • ขาโก่งหรือผิดรูปอย่างเห็นได้ชัด
  • การดูแล :
    • มักต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total Knee Replacement)
    • หลังผ่าตัดต้องทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพ
    • ดูแลสุขภาพร่างกายโดยรวมให้แข็งแรงเพื่อให้การฟื้นตัวเร็วขึ้น

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดข้อเข่าเสื่อม

  • อายุที่มากขึ้น
  • น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
  • การใช้งานข้อเข่าอย่างหนัก เช่น ยกของหนัก นั่งยองๆ นั่งพับเพียบ
  • การบาดเจ็บที่ข้อเข่าในอดีต
  • กรรมพันธุ์หรือโครงสร้างข้อผิดปกติ

วิธีป้องกันข้อเข่าเสื่อมตั้งแต่เนิ่น ๆ

    1. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดแรงกดที่ลงบนข้อเข่า
    2. ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เดินเร็ว
    3. หลีกเลี่ยงท่าที่ทำร้ายข้อเข่า เช่น นั่งยองๆ ขึ้นลงบันไดบ่อยๆ
    4. เลือกรองเท้าที่เหมาะสม มีพื้นนุ่มและรับแรงกระแทกได้ดี
    5. ตรวจสุขภาพข้อเข่าเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี หรือมีปัจจัยเสี่ยง

ข้อเข่าเสื่อมมีการดำเนินโรคเป็น “4 ระยะ” ตั้งแต่เริ่มมีอาการปวดเล็กน้อยจนถึงขั้นที่เดินไม่ได้ หากสามารถสังเกตอาการตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและปรับพฤติกรรม ก็จะช่วยชะลอความรุนแรงของโรคและลดโอกาสในการผ่าตัดได้


Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.