Bangpakok Hospital

อาการหูอื้อ ได้ยินไม่ชัด อาจเป็นเพราะขี้หูอุดตัน

15 ก.ย. 2568

หลายคนมักมีความเข้าใจผิดว่าขี้หูเป็นสิ่งสกปรกที่ควรทำความสะอาดเป็นประจำ แต่แท้จริงแล้ว ขี้หูเป็นสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่ปกป้องหูโดยธรรมชาติ ทั้งช่วยยับยั้งเชื้อโรค ป้องกันสิ่งแปลกปลอม และรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังในรูหู อย่างไรก็ตาม หากขี้หูสะสมมากเกินไปจนเกิดการอุดตัน อาจนำไปสู่อาการไม่พึงประสงค์ เช่น หูอื้อ ได้ยินเสียงไม่ชัด หรือแม้กระทั่งการติดเชื้อที่หู ซึ่งสร้างความรบกวนต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน การรู้จักลักษณะหน้าที่ของขี้หู อาการเตือนของภาวะอุดตัน ตลอดจนการป้องกันและวิธีดูแลรักษาที่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สุขภาพหูแข็งแรง และหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจตามมาได้

ขี้หูคืออะไร และมีหน้าที่อย่างไร

ขี้หู หรือ Earwax (Cerumen) เป็นสารที่ร่างกายสร้างขึ้นจากต่อมสร้างขี้หูและต่อมไขมันที่อยู่ในรูหูส่วนนอก ขี้หูมีลักษณะเหนียวหรือแห้ง แตกต่างกันไปตามพันธุกรรมและลักษณะร่างกาย โดยปกติแล้วขี้หูมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพหู ไม่ใช่สิ่งสกปรกที่ควรเอาออกทั้งหมด

คุณสมบัติของขี้หู ได้แก่

  • มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
  • ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวหนังภายในรูหูจากการระคายเคืองและการติดเชื้อ
  • ช่วยดักจับฝุ่นละอองหรือสิ่งแปลกปลอม ไม่ให้เข้าไปลึกถึงเยื่อแก้วหู
  • มีคุณสมบัติหล่อลื่น ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหนังในรูหูแห้งและแตกง่าย

ตามธรรมชาติแล้ว ขี้หูจะค่อยๆ เคลื่อนที่ออกมาภายนอกรูหูด้วยตัวเอง เมื่อพูด เคี้ยวอาหาร หรือมีการเคลื่อนไหวของขากรรไกร

อาการของภาวะขี้หูอุดตัน

เมื่อขี้หูสะสมมากเกินไปและไม่สามารถหลุดออกเองได้ จะเกิดการอุดตัน ส่งผลให้มีอาการต่างๆ เช่น

  • รู้สึกแน่นหูหรือปวดในหู
  • หูอื้อ ได้ยินเสียงไม่ชัด โดยเฉพาะข้างที่มีการอุดตัน
  • การได้ยินลดลงอย่างฉับพลันหรือค่อยเป็นค่อยไป
  • ได้ยินเสียงก้องหรือเสียงสะท้อนภายในหู
  • ในบางรายอาจมีอาการเวียนศีรษะร่วมด้วย

 

สาเหตุของขี้หูอุดตัน

  1. การใช้ไม้พันสำลีแคะหู
    พฤติกรรมนี้พบได้บ่อยที่สุด เพราะแทนที่จะทำให้ขี้หูลดลง กลับผลักขี้หูเข้าไปลึกกว่าเดิม และยังกระตุ้นให้ต่อมสร้างขี้หูทำงานมากขึ้น
  2. การใช้อุปกรณ์แคะหูอื่น ๆ เช่น กิ๊บหนีบผม ไม้แคะโลหะ
    ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อผิวหนังในรูหู และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  3. การใส่หูฟังหรือเครื่องช่วยฟังเป็นเวลานาน
    อาจทำให้การไหลออกของขี้หูตามธรรมชาติลดลง และเกิดการสะสม
  4. การมีรูหูแคบหรือรูปร่างผิดปกติ
    ส่งผลให้ขี้หูเคลื่อนออกลำบากกว่าปกติ
  5. ภาวะผิวหนังแห้งหรือเป็นโรคผิวหนังบางชนิด
    ทำให้ขี้หูแข็งและสะสมจนเกิดการอุดตันได้ง่าย

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

หากปล่อยให้ขี้หูอุดตันเป็นเวลานาน โดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น

  • การได้ยินลดลงเรื้อรัง
  • การอักเสบของผิวหนังในรูหู
  • การติดเชื้อหูชั้นนอก (Otitis Externa)
  • ความเสี่ยงต่อการทะลุของเยื่อแก้วหู หากมีการแคะหูรุนแรง
 

วิธีการป้องกันขี้หูอุดตัน

  • หลีกเลี่ยงการใช้ไม้พันสำลีหรืออุปกรณ์ใดๆ แคะหู เพราะมีโอกาสดันขี้หูให้ลึกกว่าเดิม และเสี่ยงทำให้ผิวหนังถลอกหรือเยื่อแก้วหูทะลุ
  • ไม่ควรซื้อยาหยอดหูมาใช้เองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เนื่องจากบางชนิดอาจไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีเยื่อแก้วหูทะลุ
  • หากมีการใช้หูฟังหรือเครื่องช่วยฟังเป็นประจำ ควรดูแลรักษาความสะอาด และตรวจสุขภาพหูเป็นระยะ
  • เข้าพบแพทย์หู คอ จมูก เพื่อตรวจสุขภาพหู หากมีอาการผิดปกติ เช่น หูอื้อ ปวดหู หรือการได้ยินลดลง

ขี้หูไม่ใช่สิ่งสกปรกที่ต้องกำจัดออกทั้งหมด แต่เป็นกลไกการป้องกันตามธรรมชาติของร่างกาย การแคะหูด้วยตนเองอาจทำให้เกิดอันตรายและนำไปสู่การอุดตันได้ง่าย หากมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัยที่สุด



 

Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.