Bangpakok Hospital

เช็กให้ชัวร์คุณเสี่ยงติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือเปล่า

13 ส.ค. 2568

ช่วงนี้ในโซเชียลกำลังพูดถึงกันมากว่า “ถ้าเกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 ขึ้นไป ควรฉีดวัคซีนตับอักเสบบี” เพราะในอดีต วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบียังไม่ได้บรรจุในแผนวัคซีนพื้นฐานของทารกแรกเกิดทุกคน ทำให้หลายคนอาจไม่มีภูมิคุ้มกันตั้งแต่เด็ก และไม่รู้ตัวว่าตนเองเสี่ยงติดเชื้อ

ไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคเงียบที่มักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่หากปล่อยไว้ อาจนำไปสู่ ตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง หรือมะเร็งตับ ได้ ดังนั้น การ “ตรวจคัดกรองและฉีดวัคซีน” จึงเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญก่อนจะสายเกินไป

ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B)
ไวรัสตับอักเสบบี คือเชื้อไวรัสที่ทำให้เซลล์ตับเกิดการอักเสบ ซึ่งอาจเป็นแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง โดยโรคนี้ได้ชื่อว่าเป็น “โรคเงียบ” เพราะผู้ติดเชื้อจำนวนมากไม่มีอาการในระยะแรก แต่เชื้อสามารถทำลายตับอย่างต่อเนื่อง จนเสี่ยงเกิด 
  • ตับอักเสบเรื้อรัง

  • ตับแข็ง

  • มะเร็งตับ


การติดต่อ เกิดได้จาก

  • การสัมผัสเลือดหรือน้ำเหลืองของผู้ติดเชื้อ

  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน

  • การใช้เข็มหรือของมีคมร่วมกัน

  • การติดจากแม่สู่ลูกระหว่างคลอด

  • การสัมผัสน้ำลายหรือสารคัดหลั่งอื่น ๆ ของผู้ติดเชื้อ


ตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี ทำอะไรบ้าง?

เพื่อให้รู้สถานะสุขภาพตับของคุณ ควรตรวจ 2 รายการหลัก

  1. HBsAg (Hepatitis B surface antigen)

    • ความหมาย: ตรวจหาการมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย

    • เกณฑ์ปกติ: ผลลบ (Negative) = ไม่พบเชื้อ

    • ค่าที่ควรระวัง: ผลบวก (Positive) = พบเชื้อ อาจเป็นการติดเชื้อเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม

  2. Anti-HBs (Hepatitis B surface antibody)

    • ความหมาย: ตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบี

    • เกณฑ์ปกติ: > 10 mIU/mL = มีภูมิคุ้มกันเพียงพอ

    • ค่าที่ควรระวัง: < 10 mIU/mL = ไม่มีหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจต้องฉีดวัคซีนป้องกัน

ทำไมควรตรวจ?

  • เพื่อรู้ว่าตนเองติดเชื้ออยู่หรือไม่

  • เพื่อเช็กว่ามีภูมิคุ้มกันเพียงพอหรือควรฉีดวัคซีน

  • ลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อต่อผู้อื่น

สุขภาพตับดี เริ่มได้ด้วยการตรวจง่าย ๆ แค่ปีละครั้ง



Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.