เช็กให้ชัวร์คุณเสี่ยงติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือเปล่า

ไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคเงียบที่มักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่หากปล่อยไว้ อาจนำไปสู่ ตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง หรือมะเร็งตับ ได้ ดังนั้น การ “ตรวจคัดกรองและฉีดวัคซีน” จึงเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญก่อนจะสายเกินไป
ไวรัสตับอักเสบบี คือเชื้อไวรัสที่ทำให้เซลล์ตับเกิดการอักเสบ ซึ่งอาจเป็นแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง โดยโรคนี้ได้ชื่อว่าเป็น “โรคเงียบ” เพราะผู้ติดเชื้อจำนวนมากไม่มีอาการในระยะแรก แต่เชื้อสามารถทำลายตับอย่างต่อเนื่อง จนเสี่ยงเกิด
-
ตับอักเสบเรื้อรัง
-
ตับแข็ง
-
มะเร็งตับ
การติดต่อ เกิดได้จาก
-
การสัมผัสเลือดหรือน้ำเหลืองของผู้ติดเชื้อ
-
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
-
การใช้เข็มหรือของมีคมร่วมกัน
-
การติดจากแม่สู่ลูกระหว่างคลอด
-
การสัมผัสน้ำลายหรือสารคัดหลั่งอื่น ๆ ของผู้ติดเชื้อ
ตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี ทำอะไรบ้าง?
เพื่อให้รู้สถานะสุขภาพตับของคุณ ควรตรวจ 2 รายการหลัก
-
HBsAg (Hepatitis B surface antigen)
-
ความหมาย: ตรวจหาการมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย
-
เกณฑ์ปกติ: ผลลบ (Negative) = ไม่พบเชื้อ
-
ค่าที่ควรระวัง: ผลบวก (Positive) = พบเชื้อ อาจเป็นการติดเชื้อเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม
-
-
Anti-HBs (Hepatitis B surface antibody)
-
ความหมาย: ตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
-
เกณฑ์ปกติ: > 10 mIU/mL = มีภูมิคุ้มกันเพียงพอ
-
ค่าที่ควรระวัง: < 10 mIU/mL = ไม่มีหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจต้องฉีดวัคซีนป้องกัน
-
ทำไมควรตรวจ?
-
เพื่อรู้ว่าตนเองติดเชื้ออยู่หรือไม่
-
เพื่อเช็กว่ามีภูมิคุ้มกันเพียงพอหรือควรฉีดวัคซีน
-
ลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อต่อผู้อื่น
สุขภาพตับดี เริ่มได้ด้วยการตรวจง่าย ๆ แค่ปีละครั้ง