Bangpakok Hospital

รู้ทันต้อกระจก 4 ระยะ ก่อนที่สายตาพร่ามัว

4 มิ.ย. 2568


เคยรู้สึกไหมว่าอยู่ๆ ก็เริ่มมองเห็นไม่ชัด ต้องหรี่ตาเวลามองป้ายข้างถนน หรือรู้สึกว่าต้องเปิดไฟสว่างกว่าปกติเพื่ออ่านหนังสือ สิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่ปัญหาสายตาทั่วไป แต่อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของต้อกระจกก็ได้ ต้อกระจกไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่ค่อยๆ พัฒนาไปทีละขั้น เริ่มจากสายตาพร่ามัว จนถึงจุดที่การมองเห็นแย่ลงจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ขับรถไม่ได้ อ่านหนังสือไม่เห็น หรือแม้แต่เดินในที่แสงน้อยลำบาก มารู้จักกับต้อกระจกทั้ง 4 ระยะ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นที่ต้องรีบรักษา เพื่อที่คุณจะได้ดูแลตัวเองและคนรอบข้างได้ทันก่อนสายเกินไป

“ต้อกระจก” (Cataract)  คือภาวะที่เลนส์ตาเคยใส กลับขุ่นมัวขึ้นเรื่อยๆ ทำให้แสงไม่สามารถเข้าผ่านไปยังจอประสาทตาได้ตามปกติ ส่งผลให้การมองเห็นเริ่มลดลง ผู้ป่วยมักรู้สึกว่ามองเห็นภาพไม่ชัดเหมือนเดิม มองเห็นเหมือนมีหมอกบัง หรือมีแสงจ้าเวลามองแสงไฟตอนกลางคืน

 

ระยะที่ 1 : ต้อกระจกระยะเริ่มต้น (Early Cataract)

ลักษณะอาการ 

  • มองเห็นเริ่มพร่ามัว ไม่ชัดในบางช่วงเวลา
  • ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อย
  • เริ่มมีปัญหาการอ่านหนังสือ หรือขับรถตอนกลางคืน

สิ่งที่ควรทำ

  • ตรวจเช็กสายตาและสุขภาพตาเป็นประจำ
  • ปรับการใช้สายตา เช่น พักสายตาระหว่างใช้คอมพิวเตอร์
  • หลีกเลี่ยงแสงจ้า หรือแสงแดดแรง โดยใส่แว่นกันแดด

 

ระยะที่ 2 : ต้อกระจกระยะพัฒนา (Immature Cataract)

ลักษณะอาการ

  • เลนส์ตาเริ่มขุ่นขาวอย่างเห็นได้ชัด
  • มองเห็นเป็นฝ้า หรือมีหมอกบัง โดยเฉพาะกลางแจ้งหรือเวลากลางคืน
  • ค่าสายตาสั้นลงเร็ว ต้องปรับแว่นบ่อยขึ้น
  • แสงจ้ารบกวนสายตาได้ง่าย
  • อ่านหนังสือได้น้อยลง โดยเฉพาะในที่มีแสงน้อย

สิ่งที่ควรทำ

  • ควรพบจักษุแพทย์เพื่อประเมินความจำเป็นในการรักษา
  • หลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะในเวลากลางคืน
  • ใช้แว่นตาช่วยลดแสงจ้า (แว่นตากันแสงสะท้อน)

ระยะที่ 3 : ต้อกระจกระยะสุก (Mature Cataract)

ลักษณะอาการ

  • เลนส์ตาขุ่นมากจนแสงผ่านเข้าไปได้ยาก
  • สีของวัตถุที่เห็นเริ่มหม่นลง หรือผิดเพี้ยน
  • การมองเห็นลดลงจนใช้ชีวิตประจำวันได้ยาก
สิ่งที่ควรทำ
  • ควรเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาโดยจักษุแพทย์
  • การผ่าตัดในระยะนี้ให้ผลลัพธ์ดีและฟื้นตัวได้ดี


ระยะที่ 4 : ต้อกระจกระยะสุกจัด (Hypermature Cataract)

ลักษณะอาการ

  • เลนส์ตาขุ่นจนแข็งตัว หรือเสื่อมสลายกลายเป็นของเหลว
  • มองเห็นแทบไม่ได้ หรือมองเห็นเพียงแสง
  • อาจมีอาการปวดตา ตาแดง หรือต้อหินร่วมด้วย
  • เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ต้อหิน น้ำวุ้นตาเสื่อม ประสาทตาหลุดลอก และเสี่ยงสูญเสียการมองเห็นถาวร

สิ่งที่ควรทำ

  • รีบพบจักษุแพทย์โดยด่วน การรักษาอาจทำได้ยาก และใช้เวลาในการฟื้นตัวนาน
  • หากปล่อยทิ้งไว้อาจเสียงสูญเสียการมองเห็นถาวร

ต้อกระจกพัฒนาอย่างช้าๆ หากสังเกตอาการตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะช่วยให้การรักษาง่าย ได้ผลดี และฟื้นตัวเร็ว การตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในผู้ที่อายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป เป็นสิ่งสำคัญมาก 


อย่างรอจนตาพร่ามัวจนกระทบชีวิตประจำวัน เพราะดวงตาคู่เดียวของเราไม่สามารถเปลี่ยนใหม่ได้ง่ายๆ หากคุณหรือคนใกล้ตัวเริ่มมีอาการผิดปกติในการมองเห็น อย่างลังเลที่จะปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านจักษุ


Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.