Bangpakok Hospital

4 ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม

24 มี.ค. 2568

การสูญเสียฟันอาจส่งผลต่อความมั่นใจและการใช้ชีวิตประจำวัน การทำรากฟันเทียมเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยคืนรอยยิ้มและความมั่นใจให้กับผู้ที่สูญเสียฟันแท้ ไม่เพียงแต่ช่วยทำให้สามารถเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกขากรรไกรอีกด้วย การทำรากฟันเทียมจึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหาฟันหลอ มาดูกันว่าขั้นตอนการทำรากฟันเทียมมีอะไรบ้าง และควรดูแลอย่างไรหลังการรักษา


ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม

  1. ตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษา ทันตแพทย์จะทำการตรวจสุขภาพช่องปากอย่างละเอียด รวมถึงการถ่ายภาพเอกซเรย์หรือสแกนสามมิติ เพื่อประเมินโครงสร้างกระดูกขากรรไกร และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วย
  1. การฝังรากฟันเทียม ทันตแพทย์จะทำการฝังรากฟันเทียมลงในกระดูกขากรรไกรโดยใช้ยาเฉพาะที่ ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาไม่นาน แต่ต้องรอให้กระดูกยึดติดกับรากฟันอย่างมั่นคง
  1. การรอให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูก กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วย ระหว่างนี้ต้องดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
  1. การเตรียมการติดตั้งครอบฟัน เมื่อรากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกเรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ฟันเพื่อออกแบบครอบฟันให้มีลักษณะใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ จากนั้นจพทำการติดตั้งครอบฟันเพื่อให้สามารถใช้งานได้เหมือนฟันปกติ

 

วิธีปฏิบัติตัวหลังใส่รากฟันเทียม

เพื่อให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกอย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด อาหารที่ร้อนจัด เย็นจัด แข็ง หรือเหนียวมาก ในช่วง 1-5 วันแรกหลังการทำรากฟันเทียม เพื่อลดการระคายเคืองบริเวณแผล
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ เพราะอาจส่งผลต่อการสมานแผลและการยึดติดของรากฟันกับกระดูก
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วงแรกหลังการผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงของอาการบวมและเลือดออก
  • คอยสังเกตอาการของตนเอง หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดมากขึ้น แผลบวมแดง หรือแผลไม่หาย ควรรีบพบทันตแพทย์ทันที
  • รักษาความสะอาดช่องปากอย่างเคร่งครัด และมาตามนัดของทันตแพทย์เพื่อเช็กความคืบหน้าของการรักษา

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหลังการทำรากฟันเทียม

ในช่วงแรกหลังการทำรากฟันเทียม ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจสร้างแรงกดทับ หรือระคายเคืองแผล เพราะรากฟันเทียมยังไม่ยึดติดกับกระดูกอย่างสมบูรณ์ การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดการอักเสบ หรือทำให้รากฟันเทียมหลุดออกมาได้

 

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่

  • อาหารแข็ง เช่น ถั่วแข็ง น้ำแข็ง หรือขนมกรุบกรอบ
  • อาหารเหนียว เช่น ข้าวเหนียว หมากฝรั่ง หรือคาราเมล
  • อาหารร้อนจัดหรือเย็นจัด เพราะอาจทำให้แผลระคายเคือง
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากส่งผลต่อกระบวนการสมานแผล

การทำรากฟันเทียมเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพช่องปาก และมีคุณภาพชีวิตในระยะยาว หากดูแลอย่างเหมาะสม จะช่วยให้รากฟันเทียมมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และสามารถกลับมายิ้มได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

 


Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.