Bangpakok Hospital

กระดูกพรุน อันตรายที่คุณอาจมองไม่เห็น

2 ธ.ค. 2567

กระดูกเป็นโครงสร้างที่สำคัญของร่างกาย ช่วยพยุงร่างกาย ปกป้องอวัยวะ และเป็นแหล่งเก็บแร่ธาตุสำคัญ เช่น แคลเซียมและฟอสฟอรัส แต่รู้หรือไม่ว่าโรคเกี่ยวกับกระดูกมักไม่แสดงอาการในระยะแรก? การตรวจมวลกระดูกจะช่วยให้รู้ทันสุขภาพของตัวเองก่อนสายเกินไป


ปัญหากระดูกที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง

  1. กระดูกพรุน (Osteoporosis)
  • เกิดจากความหนาแน่นของกระดูกลดลง ทำให้กระดูกเปราะบางและหักง่าย
  • พบบ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน

  1. กระดูกบาง (Osteopenia)
  • เป็นภาวะที่มวลกระดูกเริ่มลดลง แต่ยังไม่รุนแรงถึงขั้นกระดูกพรุน
  • หากไม่ได้รับการดูแล อาจพัฒนาเป็นกระดูกพรุนได้ในอนาคต

 

  1. ข้อเสื่อม (Osteoarthritis)
  • เกิดจากการสึกหรอของกระดูกอ่อนบริเวณข้อ ทำให้ปวดและเคลื่อนไหวลำบาก
  • พบในผู้ที่ใช้ข้อหนัก เช่น การยืน หรือเดินนานๆ

 

  1. ภาวะกระดูกหักง่าย (Fragility Fracture)
  • มักเกิดจากการล้มเพียงเล็กน้อยในผู้ที่มีกระดูกพรุน

 

กลุ่มเสี่ยงโรคกระดูกพรุนที่ควรเฝ้าระวัง

  1. เมื่ออายุมากขึ้น (ผู้หญิงอายุ 65 ปีขึ้นไป / ผู้ชายอายุ 70 ปีขึ้นไป)
  • เมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการสร้างกระดูกใหม่จะช้าลงกว่ากระบวรการสลายกระดูก ส่งผลให้กระดูกบางลงและความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลงอย่างรวดเร็ว
  • ผู้หญิงมักเริ่มสูญเสียมวลกระดูกเร็วกว่า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเอสโตรเจนในวัยหมดประจำเดือน

 

  1. ตนเองหรือคนในครอบครัวเคยกระดูกหัก
  • หากคุณหรือสมาชิกในครอบครัวเคยมีประวัติการกระดูกหักจากการล้มเพียงเล็กน้อย หรือแรงกระแทกไม่รุนแรง นั่นอาจเป็นสัญญาณของความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
  • ความเสี่ยงนี้เพิ่มขึ้นหากกระดูกหักเกิดในบริเวณสำคัญ เช่น สะโพก หรือกระดูกสันหลัง

 

  1. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไทรอยด์ หรือโรคเรื้อรัง
  • เบาหวาน โรคนี้ส่งผลให้กระบวนการเผาผลาญของร่างกายเปลี่ยนไป และลดคุณภาพของเนื้อเยื่อกระดูก
  • ไทรอยด์ การทำงานผิดปกติของต่อมไทรอยด์ (ทั้งไฮเปอร์ไทรอยด์และฮาชิโมโต) ส่งผลให้กระดูกสลายตัวเร็วขึ้น
  • โรคไตเรื้อรัง กระดูกอาจอ่อนแอลง เนื่องจากไตไม่สามารถรักษาสมดุลของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกายได้

 

  1. การใช้ยาสเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานาน
  • สเตียรอยด์ช่วยลดการอักเสบ แต่มีผลข้างเคียงที่ทำให้กระดูกสลายตัวเร็วขึ้น ลดการสร้างกระดูกใหม่ และรบกวนการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย
  • การใช้ยาในระยะยาว เช่น ในผู้ป่วยโรคหืด โรคข้ออักเสบ หรือโรคภูมิแพ้ อาจเพิ่มโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุน

 

  1. ผู้หญิงหลังหมดประจำเดือน หรือตัดรังไข่ทิ้งออกทั้งสองข้าง
  • หลังหมดประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ช่วยป้องกันการสลายตัวของกระดูกจะลดลงอย่างรวดเร็ว
  • ผู้ที่ตัดรังไข่ออกทั้งสองข้างจะประสบกับการลดลงของฮอร์โมนอย่างทันที ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญเสียมวลกระดูก

 

  1. ผู้ที่เคยกระดูกหักง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • หากเคยกระดูกหักจากแรงกระแทกเบาๆ หรือกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การยกของเบา การล้มเล็กน้อย อาจเป็นสัญญาณว่ากระดูกเริ่มเปราะบางจากภาวะกระดูกพรุน
  • ผู้ที่มีภาวะกระดูกหักลักษณะนี้ควรรีบตรวจมวลกระดูกทันที เพื่อประเมินและป้องกันการหักในจุดอื่น

อันตรายของโรคกระดูกพรุน

  • กระดูกหักง่ายในบริเวณสำคัญ เช่น สะโพก กระดูกสันหลัง หรือข้อมือ
  • ความเจ็บปวดเรื้อรังจากการแตกหัก
  • การเสียคุณภาพชีวิตจากการเคลื่อนไหวลำบาก หรือพิการถาวร
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อในผู้ป่วยนอนติดเตียง

ป้องกันกระดูกพรุนอย่างไร

  1. รับประทานอาการที่เสริมกระดูก อาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต ชีส ผักใบเขียว และปลาตัวเล็ก
  1. รับวิตามินดีเพียงพอ ืจากแสงแดดหรืออาหารเสริม เพื่อช่วยดูดซึมแคลเซียม
  1. ออกกำลังกายที่เสริมความแข็งแรงของกระดูก เช่น การเดินเร็ว การวิ่งเหยาะๆ 
  1. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ลดการดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่นงการสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง
  1. ตรวจมวลกระดูกเป็นประจำ การตรวจมวลกระดูกช่วยให้รู้ทันความเสี่ยง และวางแผนดูแลได้ตั้งแต่เนิ่นๆ 


 
Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.