เคล็ดไม่ลับกับการดูแล ช่องปากและฟันของลูกน้อย
29 มี.ค. 2564
ในแต่ละช่วงวัยของเด็กเรื่องของการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันจะมีวิธีการดูแลที่แตกต่างกันออกไป คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญในเรื่องของการดูแลช่องปากและฟันของลูกตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อให้น้องๆเห็นว่าการดูแลช่องปากและฟันเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งวิธีการดูแลจะถูกแบ่งเป็นช่วงอายุเพื่อให้เหมาะสมกับวัยของน้องๆโดยถูกแบ่งตามช่วงอายุดังนี้
ช่วงแรกเกิด ถึง ประมาณ 6 เดือน
หลังจากที่น้องดูดนมเสร็จแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรใช้ผ้านุ่มๆที่สะอาดชุบกับน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว เช็ดทำความสะอาดบริเวณสันเหงือก กระพุ้งแก้มและลิ้น ไม่ควรปล่อยให้ลิ้นมีฝ้าสีขาวเนื่องจากจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และควรทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
ช่วงประมาณ 6 เดือน - 12 เดือน (คุณพ่อและคุณแม่ลองสังเกตฟันของลูกน้อย)
-ถ้ามีฟันน้ำนมเริ่มขึ้นซี่แรกและพ้นเหงือกออกมาเล็กน้อย : ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฟันของลูกยังเล็กอยู่ ควรใช้นิ้วพันกับผ้า หรือ ผ้าก๊อซ ชุบน้ำสะอาดถูบริเวณฟันของลูกให้ทั่วประมาณ 10-15 ครั้งต่อซี่
-ถ้ามีฟันน้ำนมเริ่มขึ้นซี่แรกและพ้นเหงือกออกมาเกินครึ่งซี่ : ช่วงนี้ให้ใช้เริ่มใช้แปรงสีฟันที่อ่อนนุ่ม และยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ประมาณ 1,000 ppm (ขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว) ถูบริเวณฟันของลูกให้ทั่วประมาณ 10-15 ครั้งต่อซี่ และ ชุบน้ำสะอาดเพื่อล้างฟองออก(ควรทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง) ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการตรวจฟันครั้งแรกพร้อมรับคำแนะนำในการดูแลฟันของน้องจากทันตแพทย์
ช่วงอายุ 1 – 3 ปี
คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มสอนให้ลูกหัดแปรงฟัน โดยอาจลองแปรงฟันให้ลูกก่อนหรือแปรงฟันไปพร้อมกับลูก เพื่อให้ลูกได้เห็นถึงความสำคัญของการแปรงฟัน และฝึกให้ลูกรู้จักการบ้วนน้ำก่อนที่จะแปรงฟันด้วยตัวเอง โดยปริมาณยาสีฟันที่ใช้บีบให้เท่าความกว้างของแปรงหรือขนาดประมาณเมล็ดข้าวโพด และ ชุบน้ำสะอาดเพื่อล้างฟองออก(ควรทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง)
ช่วงอายุ 3 ปีขึ้นไป
คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้น้องแปรงฟันอย่างถูกวิธี และ หัดสังเกตและตรวจความสะอาดของช่องปากและฟันด้วยตนเอง ทั้งนี้ทุกๆ 6 เดือนควรพาลูกไปพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อเช็คสุขภาพช่องปากและฟัน
โดยการใช้ยาสีฟันแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่เลือกซื้อแบบที่มีผสมฟลูออไรด์เพราะจะสามารถป้องกันฟันผุได้ดี และควรใช้ยาสีฟันทำความสะอาดในปริมาณ 1,000 ppm จะช่วยป้องกันฟันผุของฟันน้ำนมได้ถึงประมาณ 31%
Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.