Bangpakok Hospital

กระดูกสะโพกหัก ในผู้สูงอายุรักษาได้ด้วยการผ่าตัด

30 ส.ค. 2567

กระดูกสะโพกหัก เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายในผู้สูงอายุ เนื่องจากข้อต่อกระดูกสะโพกไม่ค่อยแข็งแรงจากการที่ความหนาแน่นของมวลกระดูกเสื่อมสภาพลงไปตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ผู้สูงอายุที่ล้มแล้วกระดูกสะโพกหักถือเป็นภาวะเร่งด่วนที่ต้องรีบรักษาเพื่อลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้


ดังนั้นการทำความรู้จักกับภาวะกระดูกสะโพกหัก จึงเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจเพื่อให้เราดูแลตัวเองและคนใกล้ตัวให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น


กระดูกคอสะโพกหักคืออะไร

คือภาวะกระดูกหักบริเวณกระดูกต้นขาส่วนต้น ตั้งแต่คอกระดูกต้นขา Intertrochanteric Area ไปจนถึง Subtrochanteric Area พบมากในผู้สูงอายุ ซึ่งมักมีภาวะกระดูกพรุนร่วมด้วย โดยผู้หญิงจะมีความเสี่ยงในการเกิดกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงหลังหมดประจำเดือน ทำให้มวลกระดูกลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะกระดูกสะโพกหักจากการล้ม 


อาการบ่งบอกกระดูกสะโพกหัก

  • ขาผิดรูป ปลายเท้าข้างที่สะโพกหักจะหมุนออกด้านนอก หรือขาข้างที่หักอาจจะสั้นลง
  • สะโพกช้ำ บวม หรือปลายเท้าเย็น
  • ขยับขาข้างที่หักไม่ได้
  • ยืนลงน้ำหนักในขาข้างที่สะโพกหักไม่ได้

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้กระดูกสะโพกหัก

  • อายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป
  • เพศหญิง มีโอกาสเกิดสะโพกหักมากกว่าเพศชายถึง 3 เท่า
  • พันธุกรรม หากผู้สูงอายุในครอบครัวมีประวัติกระดูกหักง่ายก็จะทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้น
  • โครงสร้างร่างกาย ผู้ที่มีโครงสร้างกระดูกเล็ก หรือรูปร่างผอมจะมีความเสี่ยงกระดูกหักได้ง่าย
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ หากดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เป็นประจำ และบริโภคแคลเซียมไม่เพียงพอ อาจทำให้กระดูกเปราะบางไม่แข็งแรง
  • ยาบางชนิด อาจมีผลข้างเคียงทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือทำให้เพิ่มโอกาสการมีภาวะกระดูกพรุนได้
  • โรคประจำตัว เช่น โรคกระดูกพรุน ข้ออักเสบ ข้อเสื่อม ภาวะไตวายเรื้อรัง 


ภาวะแทรกซ้อนของกระดูกสะโพกหัก

อาการกระดูกสะโพกหัก ไม่ได้ส่งผลอันตรายถึงแก่ชีวิตในทันที แต่อาการกระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเสียชีวิตลงได้จากภาวะแทรกซ้อน ที่เกิดขึ้นในช่วงพักฟื้น เพราะผู้ป่วยอาจมีภาวะนอนติดเตียง และนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อันตรายถึงชีวิต ได้แก่

  • ปอดแฟบ
  • ปอดอักเสบติดเชื้อ
  • แผลกดทับบริเวณด้านหลัง นำไปสู่การติดเชื้อรุนแรง
  • ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
  • เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำบริเวณขา ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ลิ่มเลือดหลุด ลิ่มเลือดนี้จะหลุดและไหลไปที่หัวใจและไหลต่อไปที่ปอดจนไปอุดตันที่ปอด ซึ่งทำให้เสียชีวิตได้

การวินิจฉัยภาวะกระดูกสะโพกหัก

การวินิจฉัยโดยทั่วไปใช้การเอ็กซเรย์ ก็สามารถตรวจสอบบได่อย่างแม่นยำ จะมีเพียงบางกลุ่มที่ร่องรอยจากภาพเอ็กซเรย์อาจไม่ชัด ต้องอาศัยการทำเอ็กซเรย์ด้วยคอมพิวเตอร์ หรือ MRI ร่วมด้วย เมื่อผลการวินิจฉัยแน่ชัดว่ากระดูกสะโพกหัก แพทย์จะแนะนำทำการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด


การรักษา

แนวทางการรักษากระดูกสะโพกหัก คือ การผ่าตัดซึ่งควรได้รับการผ่าตัดภายใน 24 ชั่วโมงแรก หลังกระดูกสะโพกหัก เพราะช่วยลดระยะเวลาในการรักษาตัวในโรงพยาบาล ลดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ โดยแนวทางการรักษาจะมีการผ่าตัด 2 ชนิด คือ


  • ผ่าตัดยึดกระดูก เป็นการจัดเรียงกระดูกให้เข้าที่ เมื่อจัดกระดูกเข้าที่แล้ว แพทย์จะทำการยึดกระดูกด้วยสกรูยึดเข้ากับแผ่นโลหะ โลหะจะเป็นตัวเชื่อมยึดระหว่างกระดูกให้กระดูกมีความแข็งแรงขึ้น และยึดให้อยู่กับที่ จนกระดูกค่อยๆ สมานตัวเข้าที่
  • ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม ด้วยการใส่ข้อเทียมบางส่วน เป็นการผ่าตัดเพื่อนำหัวสะโพกที่แตกหักออก และใส่ก้านสะโพกเทียมเข้าไปทดแทน โดยจะมีหัวสะโพกเทียมสวมลงก้านสะโพกเทียมอีกทีนึง ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ป่วยสูงอายุ

ควรการทำกายภาพหลังการผ่าตัด จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาลุกยืน เดินได้ สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงดังเดิมก่อนกระดูกสะโพกหัก


ข้อดีการผ่าตัด

  • ลดโอกาสเกิดภาวะการนอนติดเตียง
  • ลดโอกาสเกิดแผลกดทับบริเวณหลังและก้นกบ
  • ลดโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ
  • ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ
  • กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงดังเดิมก่อนกระดูกสะโพกหัก


Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.