Bangpakok Hospital

รู้เท่าทัน เพื่อป้องกัน โรคกระเพาะอาหารอักเสบ

19 ก.ค. 2567

โรคกระเพาะอาหารเป็นโรคระบบทางเดินอาหารที่พบได้มากขึ้นในปัจจุบัน ที่มาจากพฤติกรรมอันเร่งรีบของคนในยุคนี้ ทำให้มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้องและพบว่าผู้ป่วยโรคนี้มักมีอาการเป็นๆ หายๆ 


ซึ่งโรคนี้ไม่ใช่โรคที่รุนแรง แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะหากปล่อยไว้นานอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร หรือมีเลือดไหลในกระเพาะ จนเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาได้ และยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

สาเหตุการเกิดโรคกระเพาะอาหาร

  1. การติดเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร หรือเรียกสั้นๆ ว่า เอช ไพโร (H.Pylori) เป็นเชื้อแบคทีเรยที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารและน้ำดื่ม
  2. การรับประทานยากลุ่มยาต้านการอักเสบหรือยาแก้ปวดกลุ่มเอนเสดส์ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ (Steroid) และยาต้านเกล็ดเลือด
  3. การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม
  4. การสูบบุหรี่
  5. พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ความเครียด วิตกกังวล หรือการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา ทานอาหารรสจัด เช่น เผ็ดจัด หรือเปรี้ยวจัด

 

อาการของโรค

  1. ปวด เสียด จุก แน่นบริเวณกระเพาะอาหาร (ใต้ลิ้นปี่) แบบเป็นๆ หายๆ
  2. ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอบ่อย
  3. ปวดท้องก่อนหรือหลังรับประทานอาหาร
  4. คลื่นไส้ อาเจียนหลังรับประทานอาหาร
  5. อาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือด เนื่องจากมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร

การรักษา

สามารถรักษาได้ 2 แบบคือ

  1. การรักษาด้วยยา โดยรักษาตามสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการในผู้ป่วยแต่ละราย
  2. การรักษาโดยไม่ใช้ยา เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต แต่หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น การตรวจโดยการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร (Gastroscope: EGD) เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกวิธี

 

วิธีการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดโรคกระเพาะอักเสบ

  1. หลีกเลี่ยงความเครียด ความวิตกกังวล
  2. รับประทานอาหารตรงเวลาทุกมื้อ
  3. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด และอาหารหรือผลไม้ที่หมักดอง
  4. หลีกเลี่ยงของมัน ของทอด และอาหารที่ย่อยยาก
  5. ลดการปรุงรสอาหารเพิ่ม
  6. ไม่ควรปล่อยให้ท้องว่างเกิน 3 ชั่วโมง 
  7. ควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียด เพื่อไม่ให้กระเพาะอาหารทำงานหนักเกินไป
  8. งดสูบบุหรี่
  9. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
  10. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ




Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.