ชานมไข่มุก เมนูฮิต ดื่มมาก เสี่ยงโรคเบาหวาน
ชานมไข่มุกเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกช่วงวัยมากขึ้น ตั้งแต่เด็กไปจนผู้สูงอายุต่างก็นิยมชอบเครื่องดื่มชนิดนี้ ด้วยรสชาติที่หอมมันและหวานอร่อยผสมกับไข่มุก ใครก็ต้องอดใจไม่ไหว แต่หากดื่มชานมไข่มุกทุกวันก็มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้โดยไม่รู้ตัว เพราะชานมไข่มุกมีส่วนผสมของน้ำตาลในปริมาณที่สูงมาก นอกจากนี้ยังมีน้ำเชื่อม ครีมเทียม ถึงแม้จะดื่มเพียงแค่แก้วเดียวต่อวัน ก็สามารถเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้
ชานมไข่มุกคืออะไร
- ชานมไข่มุก คือเครื่องดื่มชนิดเย็น รสชาติหวาน มีส่วนประกอบ น้ำชา นม หรือชาผลไม้ ส่วนไข่มุกทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ผสมโกโก้ และน้ำตาลทรายปั้นเป็นเม็ดเล็ก มีจุดกำเนิดจากประเทศไต้หวันช่วงทศวรรษที่ 1980
- ชานมไข่มุก 1 แก้ว ให้พลังงาน 240-360 กิโลแคลอรี่ หากรับประทานมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในวัยเด็กผู้ที่มีน้ำหนักเกิน และผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ชานมไข่มุกส่งผลกับโรคเบาหวานอย่างไร
ตามปกติร่างกายต้องการน้ำตาลไม่เกิน 24 กรัม หรือ 6 ช้อนชา/วัน แต่ชาไข่มุก 1 แก้ว จะมีน้ำตาลสูงถึง 8-11 ช้อนชา พอรวมกับจำนวนไข่มุกที่เปลี่ยนจากแป้งเป็นน้ำตาลด้วยทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ก็ย่อมมีโอกาสเสี่ยงเป็นเบาหวานได้ง่าย ซึ่งโรคเบาหวายเกิดจากเซลล์ร่างกายที่ไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ ทำให้กระบวนการดูดซับน้ำตาลในเลือดลดลง จนน้ำตาลสะสมในร่างกายปริมาณมากจนกลายเป็นเบาหวานในที่สุด
โรคที่เกิดจากการดื่มชาไข่มุก
- โรคเบาหวาน องค์การอนามัยโลกได้กำหนดการบริโภคน้ำตาลในแต่ละวัน ไม่ควร 6 ช้อนชา/วัน ชานมไข่มุกมีส่วนผสมหลักคือ น้ำตาล แป้ง และในหนึ่งแก้วจะมีน้ำตาล คาร์โบไฮเดตจากไข่มุกที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาล ทำให้การบริโภคชานมไข่มุกวันละ 1 แก้ว จะได้รับน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา หากบริโภคทุกวันจะทำให้มีสภาวะน้ำหนักเกิน และเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้
- โรคอ้วน เนื่องจากการดื่มชานมไข่มุกเป็นประจำก่อให้เกิดโรคอ้วน คือการมีสภาวะน้ำหนักเกิน การอ้วนลงพุง แขน และขามีขนาดใหญ่ขึ้น และโรคอ้วนอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจหลอดเลือด
- โรคหลอดเลือดและหัวใจ เพราะชานานมไข่มุกประกอบไปด้วยน้ำตาล ไขมันชนิดเลว (LDL) ซึ่งจะเพิ่มไตรกลีเซอร์ไรด์ หากกินมากเกินไปทำให้ร่างกายกำจัดไตรกลีเซอร์ไรด์ได้ไม่หมด ส่งผลให้เป็นโรคหลอดเลือดและหัวใจได้