Bangpakok Hospital

กินหวานมากไป เสี่ยงผิวแก่ก่อนวัย

30 ส.ค. 2566


ทุกคนคงคุ้นชินและคุ้นเคยกับสภาวะอากาศที่ร้อนอบอ้าวและมีแดดแรงของประเทศไทย ผู้คนจำนวนมากจึงแสวงหาเทคนิคคลายร้อนให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทานอาหารที่รสชาติหวานและมีความเย็นเพื่อช่วยดับกระหายคลายร้อน ไม่ว่าจะเป็น ไอศกรีม น้ำหวาน ชาไข่มุก และน้ำอัดลม จนเกิดเป็นความเคยชินว่าอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสหวานจะทำให้รู้สึกสดชื่อน กระปรี้กระเปร่า แต่หากรับประทานมากเป็นประจำอาจเสี่ยงใบหน้าแก่ก่อนวัยอันควรโดยไม่ทันตั้งตัว

ทำไมทานหวานแล้วทำให้ผิวแก่ลง

การทานของหวานในปริมาณที่มากเป็นประจำส่งผลให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงก่อให้เกิดปฏิกิริยาไกลเคชั่น (Glycation) อันเป็นสาเหตุของผิวแก่ก่อนวัยอันควร เนื่องจากโมเลกุลของน้ำตาลที่เราทานไปเข้าไปเกาะติดกับโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของอวัยวะรวมถึงเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกาย ก่อให้เกิดสารตัวหนึ่งที่เรียกว่า AGEs (Advanced Glycation End-Products) เมื่อสารตัวนี้ผ่านเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ของร่างกายก็จะส่งผลให้เซลล์บริเวณนั้นตายหรือเสื่อมสมรรถภาพในการทำงานลง  

 

สาร AGEs กับผลกระทบต่อร่างกาย

  • ผลกระทบด้านผิวพรรณ จะทำลายโครงสร้างของคอลลาเจนและอีลาสติน , ผิวขาดความยืดหยุ่น , เกิดจุดด่างดำหน้าหมองคล้ำ , เกิดริ้วรอยผิวเหี่ยวก่อนวัย
  • ผลกระทบด้านสุขภาพ มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจ , โรคเบาหวาน , โรคตับ , โรคความดันโลหิตสูง , โรคอัลไซเมอร์ และปัญหาสุขภาพอื่นๆ 

เคล็บลับชะลอวัย ต้านผิวแก่ก่อนวัยจาก AGEs

ผิวหน้าแก่ก่อนวัยอันควร ริ้วรอย และปัญหาผิวหย่อนคล้อยจากการบริโภคน้ำตาลมากเกินไปสามารถป้องกันได้ด้วยเคล็ดลับการดูแลตัวเองด้วยวิธีต่อไปนี้

  • เลือกดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวาน น้ำทำหน้าที่ในการกำจัดของเสียออกจากร่างกายและอีกทั้งยังให้ความชุ่มชื้นแก่เซลล์ โดยปกติเราควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้วขึ้นไป การดื่มน้ำน้อยนอกจากจะทำให้ผิวไม่สดใสแล้วยังส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ทำงานหนักอีกด้วย
  • รับประทานผลไม้สดแทนขนมหวาน ผลไม้นั้นมีวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย ผลไม้ที่มีรสหวานจากฟรักโทส และกลูโคส สามารถช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นโดยที่ไม่ต้องรับน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป
  • เลือกชนิดของขนมหวานที่จะรับประทาน ในกรณีที่หลีกเลี่ยงการรับประทานขนมหวานไม่ได้ แนะนำให้เลือกชนิดของอาหารที่จะนำมาประกอบเป็นของหวาน เช่น น้ำแข็งไส ควรทานควบคู่กับธัญพืชที่มีใยอาหารสูง เช่น ลูกเดือย ถั่วแดง ถั่วเขียว ข้าวโพด เป็นต้น ใยอาหารที่มีส่วนช่วยในการชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่ร่างกาย ทำให้อิ่มท้องนาน ลดความอยากของหวานและลดความอ้วนได้ดี
  • หลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณการเติมน้ำตาลลงในอาหารและเครื่องดื่ม ไม่ว่าเป็นน้ำตาลทราย น้ำตาลทรายแดง น้ำผึ่ง ไซรัป หรือน้ำตาลที่สกัดจากข้าวโพด เป็นต้น
  • บ้วนปากทุกครั้งหลังทานของหวาน เนื่องจากความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงความหวานจากต่อมรับรสชาติภายในช่องปากจะส่งผลให้เกิดความอยากอาหาร และยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ฟันผุ เพราะแบคทีเรียที่ยังคงเหลืออยู่หลังจากทานอาหารจะทำลายผิวเคลือบฟัน
  • อ่านฉลากโภชนาข้างบรรจุภัณฑ์ หากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีน้ำตาลมากกว่า 15 กรัม (3ช้อนชา) ก็ควรหลีกเลี่ยง
  • ให้เวลาร่างกายในการปรับตัว ร่างกายของเราจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน ในการปรับสภาพลิ้นที่ติดรสชาติอาหารหวาน ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปก็จะทำให้ความต้องการน้ำตาลลดลง



Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.