เช็ก 9 อาการ เสี่ยงเป็นเบาหวานหรือไม่?
โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus: DM) เป็นภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) หรือการดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน ส่งผลให้การดูดซึมน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงานของเซลล์ในร่างกายมีความผิดปกติ
ซึ่งในปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยเบาหวานในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดว่าผู้ป่วยรายใหม่อาจเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 3 แสนคน และคนอายุ 15 ปีขึ้นไปที่เริ่มป่วยเป็นโรคเบาหวานก็มีจำนวนมากขึ้น
โรคเบาหวานหากปล่อยไว้นานจะทำให้อวัยวะต่างๆ เสื่อม ดังนั้นควรเข้ารับการตรวจคัดกรองเบาหวานหากมีความเสี่ยง เพื่อลดอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
โรคเบาหวานแบ่งเป็น 4 ชนิด ได้แก่
- โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากร่างกายขาดฮอร์โมนอินซูลิน ส่วนใหญ่พบในเด็กจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาอินซูลิน
- โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นโรคเบาหวานที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากร่างกายมีภาวะดื้ออินซูลิน ส่วนใหญ่พบในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ มักมีประวัติคนในครอบครัวเป็นเบาหวานร่วมด้วย ในระยะแรกสามารถรับประทานยาลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ถ้าเป็นนานๆ บางรายจำเป็นต้องใช้ยาอินซูลิน
- โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ วินิจฉัยขณะตั้งครรภ์ และภาวะนี้มักหายไปหลังจากคลอด
- โรคเบาหวานที่มีสาเหตุจำเพาะ เช่น ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง โรคที่ความผิดปกติของต่อไร้ท่อบางชนิด หรือการรับประทานยาที่มีสารเตียรอยด์
ปัจจัยเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2
- อายุ 35 ปีขึ้นไป
- มีโรคอ้วน และมีพ่อ แม่ พี่ น้องเป็นโรคเบาหวาน
- มีโรคความดันโลหิตสูง
- ระดับไขมันในเลือดผิดปกติ (ระดับไตรกลีเซอไรด์ มากกว่า 250 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือมีระดับคอเลสเตอรอล เอสดีแอล < 35 มิลลิกรัม/เดซิลิตร)
- มีประวัติเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
- เคยได้รับการตรวจพบระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ เช่น ระดับน้ำตาลขณะอดอาหาร 100-125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือระดับน้ำตาลสะสม 5.7-6.4 %
- มีโรคหัวใจและหลอดเลือด
อาการเริ่มแรกของโรคเบาหวาน
- ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
- ปวดหัว
- น้ำหนักตัวลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- คอแห้ง กระหายน้ำบ่อย
- รู้สึกชาบริเวณปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า
- หิวบ่อย กินจุกกว่าเดิม
- วิงเวียนศีรษะ
- มีอาการตาพล่ามัว
โรคแทรกซ้อนที่เกิดจากเบาหวาน
- โรคแทรกซ้อนจากหลอดเลือดใหญ่ เกิดการตีบแคบของหลอดเลือด ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย
- โรคหัวใจขาดเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
- อัมพฤกษ์และอัมพาตจากหลอดเลือดสมองอุดตัน
- โรคความดันโลหิตสูง
- ปวดขาเวลาเกินนานๆ จากหลอดเลือดที่ขาตีบ หรือเกิดแผลจากการขาดเลือด
- โรคแทรกซ้อนจากหลอดเลือดฝอย
- โรคแทรกซ้อนทางตา เช่น ตาพล่ามัว เบาหวานขึ้นตา
- โรคแทรกซ้อนทางไต ทำให้ไตเสื่อม ไตวาย
- โรคแรกซ้อนทางระบบประสาท คือ อาการชาตามเท้าและมือ
การดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคเบาหวาน
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงกับคนปกติให้มากที่สุด
- ควบคุมอาหาร ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร ออกกำลังกาย
- พบแพทย์ตามกำหนด เพื่อตรวจร่างกายและประเมินอาการเบาหวาน และหาทางปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาโรคเบาหวานให้เหมาะสมกับผู้ป่วย
การป้องกันโรคเบาหวาน
สิ่งสำคัญของการป้องกันโรคเบาหวานทุกชนิดคือ คอยหมั่นระวังระดับน้ำตาลในเลือดและคอเลสเตอรอลให้อยู่เกณฑ์ปกติ เน้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสารอาหารครบถ้วน มีกากใยสูง หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ รวมถึงควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ