Bangpakok Hospital

รู้หรือไม่? "รูมาตอยด์" ไม่ใช่แค่โรคข้ออักเสบ

12 ต.ค. 2565


อาการปวดข้อบริเวณต่างๆ เช่น ปวดข้อมือ ข้อนิ้วมือ ข้อเท้า อาจไม่ใช่เป็นการปวดข้อธรรมดาอีกต่อไป แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนจากโรคข้ออักเสบ หรือโรคที่เรียกว่า โรครูมาตอยด์

ซึ่งโรคนี้สามารถเกิดได้ในวัยหนุ่มสาวจนถึงวัยสูงอายุ และยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ อาจถึงขั้นรุนแรงทำให้พิการได้ 

และสาเหตุของการเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เกิดจากอะไร จะมีอาการ และมีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้นดีกว่า

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)

เป็นโรคของข้อต่อที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของเยื่อหุ้มข้อ ซึ่งอยู่บริเวณรอยต่อของกระดูก เมื่อข้ออักเสบเป็นเวลานานข้อจะถูกทำลาย ทำให้ข้อผิดรูปและเกิดความพิการตามมาได้ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยหนุ่มสาว เนื่องจากเป็นวัยที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้ดี ทำให้เมื่อระบบภูมิคุ้มกันเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับร่างกายจะได้รับผลกระทบมาก 

 

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด จากการศึกษาพบว่าเกิดจากผลของปัจจัยเสี่ยงต่างๆ มากระตุ้นทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติไป โดยปัจจัยเสี่ยง ได้แก่

  • อายุ โรครูมาตอยด์สามารถเกิดได้ทุกวัย พบได้ทั้งในวัยหนุ่มสาว และวัยสูงอายุ
  • เพศ ผู้หญิงมีแนวโน้มการเป็นสูงมากกว่าผู้ชาย 3 เท่า
  • พันธุกรรม หากพ่อแม่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จะส่งผลให้ลูกมีความเสี่ยงเป็นโรคสูงมากกว่าคนทั่วไป
  • ความอ้วน ผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์หรือเป็นโรคอ้วน มีโอกาสที่จะเป็นโรครูมาตอยด์มากกว่าคนทั่วไป
  • ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม การได้รับสารเคมีบางอย่าง ทำให้เกิดโรครูมาตอยด์ได้ เช่น ใยหิน และซิลิกา
  • การสูบบุหรี่ นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคแล้ว ยังเพิ่มความรุนแรงของโรคให้ร้ายแรงกว่าเดิมได้ด้วย

อาการของโรค

โรครูมาตอยด์จะมีอาการปวดอย่างช้าๆ อาจนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน มีอาการเหนื่อยอ่อนและเมื่อยล้า รวมไปถึงอาจมีน้ำหนักตัวลดลงและมีไข้อ่อนๆ อาการอื่นๆ ของโรคที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • มีอาการปวด บวม แดง อุ่น ข้อฝืด โดยจะเกิดขึ้นพร้อมกันในร่างกาย เช่น ข้อมือ ข้อศอก เท้า ข้อเท้า เข่า และคอ
  • อาการข้อฝืดแข็ง อาจเกิดหลังจากที่ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว เช่น ตอนตื่นนอนในตอนเช้า หรือนั่งเป็นเวลานานๆ
  • ปุ่มรูมาตอยด์ จะเป็นปุ่มเนื้อนิ่มๆ ที่มักเกิดบริเวณที่มีการเสียดสีบ่อยๆ เช่น ข้อศอก ข้อนิ้วมือ กระดูกสันหลัง

การรักษา

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ยังไม่มีการรักษาที่หายขาดได้ แต่จะบรรเทาอาการให้ดีขึ้นเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติมากที่สุด ซึ่งทำได้โดย

  • การใช้ยา ประกอบด้วยยารับประทานหรือยาฉีดสำหรับรักษาเฉพาะเจาะจงกับโรคเพื่อลดอาการอักเสบ และยาช่วยบรรเทาอาการ เช่น ยาแก้ปวด หรือยาสเตียรอยด์เพื่อช่วยไม่ให้ผู้ป่วยต้องปวดทรมาน
  • การผ่าตัด สำหรับกรณีที่ข้อถูกทำลายมากไปแล้ว การผ่าตัดซ่อมแซมหรือเปลี่ยนข้อจะช่วยให้ข้อทำงานได้ดีขึ้น ลดความเจ็บปวด 
  • กายภาพบำบัด รวมถึงการออกกำลังกายเพื่อให้ข้อคงความยืดหยุ่น

การป้องกัน

ปัจจุบันยังไม่สามารถป้องกันโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้ เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรค สิ่งที่ทำได้คือ เข้ารับการวินิจฉัยทันทีเมื่อรู้สึกปวดข้อผิดปกติ หากผู้ป่วยได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่มจะมีโอกาสหยุดยั้งโรคได้ง่ายกว่าและมีโอกาสที่ข้อพิการน้อยกว่า สำหรับการดูแลของผู้ป่วย ได้แก่

  • พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางตามนัดทุกครั้ง เพื่อติดตามผลการรักษาและผลข้างเคียงการใช้ยา
  • ออกกำลังกายข้อเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของข้อต่อและร่างกาย 
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนัก กระโดด นั่งยองๆ นั่งขัดสมาธิ พับเพียบ เพราะเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงทำลายข้อ
  • ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์ เพื่อลดการรับน้ำหนักของเข้าเข่า และข้อเท้า
  • รับประทานอาหารที่มีแคลเซียม วิตามินดี และวิตามินซี เพื่อบำรุงเนื้อเยื่อและกระดูก 
  • เมื่อมีอาการปวด นอกจากรับประทานยาบรรเทาปวดแล้ว อาจใช้วิธีประคบเย็นวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 20 นาทีร่วมด้วย
Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.