เผยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ ด้วยการทำรากฟันเทียม
การสูญเสียฟันแท้เป็นปัญหาที่ส่งผลระยะยาวสำหรับใครหลายๆคนไม่ว่าจะสูญเสียด้วยสาเหตุใดก็ตาม อาจทำให้ต้องเจอกับปัญหาในการรับประทานอาหารที่ลำบากขึ้น ขาดความมั่นใจในการยิ้ม แต่ในปัจจุบันเราสามารถเลือกรักษาได้ด้วยการทำรากเทียม จะดีกว่าการทำฟันปลอมเพราะจะดูเป็นธรรมชาติไม่ต่างจากฟันแท้
โดยคนส่วนใหญ่เลือกทำรากฟันเทียมเนื่องจากคนไข้มักจะมีปัญหาเจ็บปวดและหลวมจากการใส่ฟันปลอมเป็นเวลานาน และต้องการแก้ไขปัญหาระยะยาว นอกจากนี้ยังมีคนไข้ที่มีปัญหาจากการบดเคี้ยว การสูญเสียฟันจากอุบัติเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องของความสวยงามทำให้ยิ้มแล้วไม่มีความมั่นใจ
ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้สามารถแก้ไขได้โดยการใส่รากฟันเทียมอย่างถูกต้องและเหมาะสมจะทำให้ปัญหาการเจ็บปวดทั้งหมดที่เคยเจอหายไปอย่างถาวร และกลับมายิ้มได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง
รากฟันเทียมคืออะไร
รากฟันเทียม คือรากฟันที่สังเคราะห์ขึ้นมาให้เหมือนฟันธรรมชาติมากที่สุดซึ่งจะมีลักษณะเหมือนฟันจริง รากฟันเทียมจะทำจากโลหะไทเทเนียมใช้ฝังในกระดูกขากรรไกรแทนตำแหน่งการสูญเสียฟัน และมีครอบฟันบนรากเทียมนั้นๆ เพื่อให้ใช้งานได้เหมือนฟันธรรมชาติ
รากฟันเทียมประกอบด้วยอะไรบ้าง
1. ครอบฟันหรือสะพานฟัน (Crown) เป็นส่วนที่อยู่ด้านบนสุดของเหงือกมีลักษณะเหมือนฟันธรรมชาติ
2. เดือยครอบฟัน (Abutment) ทำหน้าที่ในการยืดครอบฟันและรากฟันเทียมให้ติดกัน
3. รากฟันเทียม (Fixture) รากเทียมจะฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกรเพื่อทำหน้าที่แทนรากฟันจริงที่สูญเสียไป
การทำรากเทียมเหมาะสำหรับใครบ้าง
1. ผู้ที่สูญเสียฟันแท้จากอุบัติเหตุ
2. ผู้ที่มีฟันแตก หัก ซึ่งควรได้รับการถอนฟันจากทันตแพทย์ และทำรากฟันเทียมเพื่อทดแทนฟันที่เสียไป
3. ผู้ที่ทำฟันปลอมแบบถอดได้ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
4. ผู้ที่ต้องการใส่ฟันเพียงซี่เดียว โดยฟันข้างเคียงยังอยู่ในสภาพดี
5. ผู้ที่ใส่ฟันปลอมทั้งปากแต่ประสบปัญหากระดูกขากรรไกรล่างยุบตัวลงมากทำให้ฟันปลอมหลุดง่าย ซึ่งการใส่รากฟันเทียมจะช่วยยึดฟันปลอมให้แน่น
6. ผู้ที่ไม่ต้องการกรอฟันการทำสะพานฟันติดแน่น
ข้อดีของการทำรากฟันเทียม
1. สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดีไม่ต่างจากฟันธรรมชาติ
2. ป้องกันการสูญเสียฟันและกระดูกข้างเคียง
3. ดูแลทำความสะอาดง่าย เสริมสร้างสุขภาพช่องปาก
4. หมดปัญหาฟันเทียมขยับระหว่างพูดคุย หรือรับประทานอาหาร
5. มีความคงทนถาวร
6. ไม่ต้องกรอแต่งฟันข้างเคียง
7. เพิ่มความมั่นใจ
8. มีความปลอดภัยสูง และสามารถใช้รักษาร่วมกับสะพานฟันและครอบฟัน สำหรับคนไข้ที่มีฟันแท้เหลือน้อย
การดูแลรักษาหลังจากทำรากฟันเทียม
1. ใช้น้ำแข็งประคบแก้มบริเวณที่ทำรากเทียมประมาณ 2 วันหลังผ่าตัด
2. หลีกเสี่ยงการออกกำลังกายที่มากเกินความจำเป็น การทำงานอย่างหนัก แบะการอบซาวน่า
3. ห้ามแปรงฟันบริเวณที่ฝังรากเทียม 2-3 วัน ใช้น้ำยาบ้วนปาก 2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 7 วัน
4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่เป็นเวลา 2 อาทิตย์
5. เคี้ยวอาหารข้างที่ไม่ได้ทำรากฟันเทียม และหลีกเลี่ยงอาหารร้อน
6. ในกรณีที่ผ่าตัดปลูกกระดูกในไซนัสในขากรรไกรบน ให้หลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูก และการถ่มน้ำลาย
7. หากมีเลือดไหลให้ใช้ผ้าก๊อชซับเลือด และถ้าเลือดยังไหลอยู่ให้พบทันตแพทย์เพื่อรักษาอย่างเหมาะสม
ลักษณะเด่นรากฟันเทียมของบริษัทนีโอไบโอเทค
บริษัทนีโอไบโอเทคผู้ผลิตรากฟันเทียม CMI ภายใต้การวิจัยและพัฒนา (R&D) การผลิตมุ่งเน้นถึงคุณภาพเป็นสำคัญและเชื่อมโยงเครือข่ายกว่า 3,000 คลินิก 80 ประเทศ ทั้งประเทศในแถบอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย
รากฟันเทียม คือรากฟันที่สังเคราะห์ขึ้นมาให้เหมือนฟันธรรมชาติมากที่สุดซึ่งจะมีลักษณะเหมือนฟันจริง รากฟันเทียมจะทำจากโลหะไทเทเนียมใช้ฝังในกระดูกขากรรไกรแทนตำแหน่งการสูญเสียฟัน และมีครอบฟันบนรากเทียมนั้นๆ เพื่อให้ใช้งานได้เหมือนฟันธรรมชาติ
รากฟันเทียมประกอบด้วยอะไรบ้าง
1. ครอบฟันหรือสะพานฟัน (Crown) เป็นส่วนที่อยู่ด้านบนสุดของเหงือกมีลักษณะเหมือนฟันธรรมชาติ
2. เดือยครอบฟัน (Abutment) ทำหน้าที่ในการยืดครอบฟันและรากฟันเทียมให้ติดกัน
3. รากฟันเทียม (Fixture) รากเทียมจะฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกรเพื่อทำหน้าที่แทนรากฟันจริงที่สูญเสียไป
การทำรากเทียมเหมาะสำหรับใครบ้าง
1. ผู้ที่สูญเสียฟันแท้จากอุบัติเหตุ
2. ผู้ที่มีฟันแตก หัก ซึ่งควรได้รับการถอนฟันจากทันตแพทย์ และทำรากฟันเทียมเพื่อทดแทนฟันที่เสียไป
3. ผู้ที่ทำฟันปลอมแบบถอดได้ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
4. ผู้ที่ต้องการใส่ฟันเพียงซี่เดียว โดยฟันข้างเคียงยังอยู่ในสภาพดี
5. ผู้ที่ใส่ฟันปลอมทั้งปากแต่ประสบปัญหากระดูกขากรรไกรล่างยุบตัวลงมากทำให้ฟันปลอมหลุดง่าย ซึ่งการใส่รากฟันเทียมจะช่วยยึดฟันปลอมให้แน่น
6. ผู้ที่ไม่ต้องการกรอฟันการทำสะพานฟันติดแน่น
ข้อดีของการทำรากฟันเทียม
1. สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดีไม่ต่างจากฟันธรรมชาติ
2. ป้องกันการสูญเสียฟันและกระดูกข้างเคียง
3. ดูแลทำความสะอาดง่าย เสริมสร้างสุขภาพช่องปาก
4. หมดปัญหาฟันเทียมขยับระหว่างพูดคุย หรือรับประทานอาหาร
5. มีความคงทนถาวร
6. ไม่ต้องกรอแต่งฟันข้างเคียง
7. เพิ่มความมั่นใจ
8. มีความปลอดภัยสูง และสามารถใช้รักษาร่วมกับสะพานฟันและครอบฟัน สำหรับคนไข้ที่มีฟันแท้เหลือน้อย
การดูแลรักษาหลังจากทำรากฟันเทียม
1. ใช้น้ำแข็งประคบแก้มบริเวณที่ทำรากเทียมประมาณ 2 วันหลังผ่าตัด
2. หลีกเสี่ยงการออกกำลังกายที่มากเกินความจำเป็น การทำงานอย่างหนัก แบะการอบซาวน่า
3. ห้ามแปรงฟันบริเวณที่ฝังรากเทียม 2-3 วัน ใช้น้ำยาบ้วนปาก 2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 7 วัน
4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่เป็นเวลา 2 อาทิตย์
5. เคี้ยวอาหารข้างที่ไม่ได้ทำรากฟันเทียม และหลีกเลี่ยงอาหารร้อน
6. ในกรณีที่ผ่าตัดปลูกกระดูกในไซนัสในขากรรไกรบน ให้หลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูก และการถ่มน้ำลาย
7. หากมีเลือดไหลให้ใช้ผ้าก๊อชซับเลือด และถ้าเลือดยังไหลอยู่ให้พบทันตแพทย์เพื่อรักษาอย่างเหมาะสม
ลักษณะเด่นรากฟันเทียมของบริษัทนีโอไบโอเทค
บริษัทนีโอไบโอเทคผู้ผลิตรากฟันเทียม CMI ภายใต้การวิจัยและพัฒนา (R&D) การผลิตมุ่งเน้นถึงคุณภาพเป็นสำคัญและเชื่อมโยงเครือข่ายกว่า 3,000 คลินิก 80 ประเทศ ทั้งประเทศในแถบอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย