Omicron โควิดสายพันธุ์ใหม่ แพร่เชื้อง่าย อันตรายสูง
โอไมครอน (Omicron) เชื้อโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่องค์การอนามัยโลก ประกาศให้เป็นสายพันธุ์ระดับหน้ากลัว ปัจจุบันพบว่ามีการระบาดแล้วในแอฟริกาใต้ บอตสวานา เบลเยียม ฮ่องกง อิสราเอล ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร เยอรมัน และแคนาดา
ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่โควิดสายพันธุ์ใหม่อาจแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า ความอันตรายของโอไมครอนที่น่ากังวล คือตัวเชื้ออาจสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่เกิดการจากฉีดวัคซีนได้ และอาจทำให้วัคซีนโควิดที่มีอยู่มีประสิทธิภาพในการต้านเชื้อลดน้อยลง
แต่อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถสรุปได้ว่าโอไมครอนจะแพร่ระบาดได้รวดเร็ว และอันตรายมากกว่าเดลตา จึงจำเป็นที่ต้องรอผลวิจัยจากทีมวิจัยโลก ซึ่งอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ที่จะสามารถบอกได้ว่า โอไมครอนอันตรายมากแค่ไหน จะก่อให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงได้ไหม และวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันยังมีผลต้านโควิดโอไมครอนอยู่หรือไม่
ดังนั้นเราควรทำความรู้จักกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ให้มากขึ้น รู้ความแตกต่างระหว่างเดลต้าและโอไมครอน เพื่อแนวทางป้องกันไม่ให้ตัวเองและคนใกล้ชิดติดเชื้อโควิด
ลักษณะของโอไมครอน
โอไมครอน คือ เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 (ซาร์สโควี 2) ที่กลายพันธุ์ไปจากเดิมมากที่สุด ซึ่งพันธุกรรมของโอไมครอน กลายพันธุ์ไปมากถึง 50 ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่าเดลตา และ 32 ตำแหน่งเกิดขึ้นในส่วนโปรตีนหนาม เป็นส่วนที่ไวรัสใช้เกาะติดกับเซลล์ในร่างกายและก่อให้เกิดการติดเชื้อ ขณะที่โปรตีนหนามของไวรัสเป็นส่วนสำคัญที่วัคซีนใช้เพื่อกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
โอไมครอนรุนแรนกว่าเดลตาหรือไม่?
ตอนนี้ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะมีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์เดลต้าหรือไม่ โดยข้อมูลเบื้องต้นพบว่า การกลายพันธุ์ของโอไมครอนมีความคล้ายกับเดลต้าในบางจุด แต่ทั้งนี้การกลายพันธุ์ของโอไมครอนที่มากกว่าเดลต้า โดยเฉพาะในส่วนโปรตีนหนาม จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าโอไมครอนอันตรายกว่าเดลต้าหรือไม่
อาการของผู้ติดเชื้อโอไมครอนและเดลตา
- ผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน จะมีอาการน้อยมาก โดยอาการต่างๆ รวมถึง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เจ็บคอ ไอแห้ง แต่ไม่สูญเสียการรับรู้กลิ่นหรือรส เหมือนกับไวรัสสายพันธุ์อื่น ส่วนใหญ่จะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
- ผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา จะไม่ค่อยมีอาการไอ หรือจมูกไม่รับกลิ่น แต่จะมีไข้ น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ และเจ็บคอมากกว่า
วิธีการป้องกัน
สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และเว้นระยะห่างจากคนอื่น 1 เมตร ล้างมือบ่อยๆ งดอยู่ในพื้นที่แออัด และควรรับวัคซีนให้ครบโดส เพื่อลดความรุนแรงจากการติดเชื้อ