6 ปัญหาผิวช่วงตั้งครรภ์ ที่คุณแม่ต้องรับมือ
ปัญหาเรื่องผิวถือเป็นสิ่งคู่กันกับคุณแม่ตั้งครรภ์ ผิวของคุณแม่เปลี่ยนแปลงไปเกิดจากตัวการสำคัญคือฮอร์โมนตั้งครรภ์ที่สูงขึ้น ทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ส่งผลให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
ซึ่งในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่จะต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวหมองคล้ำ ผิวขาดน้ำ หรือผิวแตกลาย บางคนมีสิวเหมือนย้อนเวลากลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง ปัญหาที่เจอก็จะแตกต่างกันออกไปก็จะเป็นผลมากจากฮอร์โมนการตั้งครรภ์
แต่ปัญหาจะค่อยๆหายไป และดีขึ้นหลังจากการคลอดลูก เพราะระดับฮอร์โมนจะกลับสู่สภาวะปกติ แต่คุณแม่บางคนที่มีการลุกลามมากในช่วงตั้งครรภ์ อาจจะยังมีริ้วรอย หรือจางหายไปไม่หมด ซึ่งคุณแม่ก็สามารถดูแลผิวได้อย่างต่อเนื่อง หรือพบแพทย์ผิวหนังให้ดูแลรักษาอย่างถูกวิธี
6 ปัญหาผิวช่วงตั้งครรภ์
1. ผิวผื่นแดงแสบคัน คุณแม่ควรบำรุงด้วยครีมหรือโลชั่นที่เป็นสูตรธรรมชาติและมีความอ่อนโยนต่อผิว เนื่องจากครีมที่มีกลิ่นแรง อาจส่งผลต่ออาการแพ้ท้องได้ หากมีผื่นแดงขึ้นกระจายเป็นวงกว้างหรือมีลักษณะเป็นตุ่มๆ จนดูผิดปกติ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นได้ระกว่างตั้งครรภ์ ซึ่งไม่ควรปล่อยไว้ให้ลุกลาม
2. ผิวหมองคล้ำ โดยเฉลี่ยนแล้ว 90% คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีสีผิวที่เข้มกว่าเดิม เช่น บริเวณรักแร้ คอ เส้นกลางหน้าท้อง ลานหัวนม ต้นขา และอวัยวะเพศ และยังมีปัญหาผิวอื่นๆ แทรกซ้อนตามมาด้วย เช่น ฝ้า กระ ติ่งเนื้อ ปัญหาทั้งหมดเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนที่คอยกระตุ้นให้สีผิวเข้มขึ้นกว่าเดิม แก้ไขปัญหาได้ด้วยการพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด และใช้ครีมบำรุงผิวปรับสภาพผิวให้กลับสู่สภาพเดิม
3. ผิวขาดน้ำ ปกติแล้วคุณแม่หลังคลอดจะเผชิญกับภาวะผิวขาดน้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากร่างกายจะมีการขับเอาน้ำที่สะสมในระหว่างตั้งครรภ์ออกไป จึงทำให้อาการบวมน้ำของร่างกายคุณแม่น้อยลง และส่งผลต่อสุขภาพผิวของคุณแม่ตามมาด้วย ซึ่งปัญหาผิวขาดน้ำแก้ไขได้ด้วยการเติมน้ำให้ผิว พยายามดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อเป็นการทดแทนน้ำในร่างกายที่เสียไป
4. ผิวหย่อนคล้อย แก้ไขได้ด้วยการออกกำลังกายที่ช่วยกระชับผิว ซึ่งควรออกกำลังกายแบบเบาๆ เช่น เดินช้าๆ หรือเล่นโยคะ เพราะจะช่วยความกระชับให้กล้ามเนื้อท้อง กล้ามเนื้อต้นขา และช่วยความแข็งแรงให้ผิวหนังที่หย่อยคล้อยให้กลับมากระชับ
5. ผิวแตกลาย ช่วงตั้งครรภ์ผิวคุณแม่จะเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยตามขนาดตัวของทารกในครรภ์ จึงทำให้เกิดผิวแตกลายตามมา สามารถแก้ไขได้ด้วยการทาครีมหรือน้ำมันกันท้องแตกลาย เพื่อเป็นการคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว พร้อมทั้งดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ จะช่วยแก้ไขปัญหาผิวแตกลายได้ดี
6. ผิวไวต่อแสง ถ้าจำเป็นต้องทำงานนอกบ้าน และต้องเจอกับแสงแดดบ่อยๆ อาจทำให้ผิวดำคล้ำ เป็นรอยด่าง รอยดำ ผิวไวต่อแสงเป็นเพราะฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์พุ่งพล่าน ทำให้ผิวไวต่อแสงมากเป็นพิเศษ ถ้ามีปัญหานี้ควรทาผิวที่มีสารกันแดด SPF 30 ขึ้นไป
วิธีดูแลผิวขณะตั้งครรภ์
1. กินผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงให้สม่ำเสมอ เพราะวิตามินซีเสริมความแข็งแรงให้ผิวพรรณของคุณแม่ เช่น ฝรั่ง ส้ม อะโวคาโด ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
2. ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด แสงแดดที่แรงจัดส่งผลเสียให้กับสีผิวของคุณแม่โดยตรง เพราะช่วงตั้งครรภ์ผิวจะไวต่อแสง ช่วงเวลาที่ไม่ควรโดนแดดคือ 11.00-16.00 น. หากจำเป็นที่จะต้องออกข้างนอก ควรทากันแดดป้องกันไว้
3. ดื่มน้ำเปล่าให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว การดื่มน้ำมากๆจะทำให้ผิวชุ่มชื้น เลือดลมไหลเวียนดี ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
4. ขัด พอกผิว ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ การขัดผิวจะทำให้ผิวพรรณเนียนขึ้น และทำให้คุณแม่ผ่อนคลาย คุณแม่สามารถขัดผิว หรือพอกผิวได้ตามปกติ แต่ควรเลือกสครับขัดผิวที่ทำมาจากธรรมชาติไม่ส่งผลเสียกับลูกในครรภ์
1. กินผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงให้สม่ำเสมอ เพราะวิตามินซีเสริมความแข็งแรงให้ผิวพรรณของคุณแม่ เช่น ฝรั่ง ส้ม อะโวคาโด ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
2. ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด แสงแดดที่แรงจัดส่งผลเสียให้กับสีผิวของคุณแม่โดยตรง เพราะช่วงตั้งครรภ์ผิวจะไวต่อแสง ช่วงเวลาที่ไม่ควรโดนแดดคือ 11.00-16.00 น. หากจำเป็นที่จะต้องออกข้างนอก ควรทากันแดดป้องกันไว้
3. ดื่มน้ำเปล่าให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว การดื่มน้ำมากๆจะทำให้ผิวชุ่มชื้น เลือดลมไหลเวียนดี ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
4. ขัด พอกผิว ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ การขัดผิวจะทำให้ผิวพรรณเนียนขึ้น และทำให้คุณแม่ผ่อนคลาย คุณแม่สามารถขัดผิว หรือพอกผิวได้ตามปกติ แต่ควรเลือกสครับขัดผิวที่ทำมาจากธรรมชาติไม่ส่งผลเสียกับลูกในครรภ์